โปรแกรม Profhilo คืออะไร ?

Profhilo (โปรไฟโล) คือ สารกระตุ้นคอลลาเจนตัวใหม่ มีองค์ประกอบไปสำคัญคือกรดไฮยาลูโรนิก (Hyaluronic Acid; HA) มีความบริสุทธิ์ 100% ไม่มีสารเคมี ซึ่งถูกพัฒนาขึ้นด้วยเทคโนโลยีพิเศษ ได้รับการจดสิทธิบัตร เรียกว่า NAHYCO เป็นกระบวนการที่ใช้ความร้อน ทำลายพันธะที่เชื่อมโมเลกุลไฮโดรเจนของกรดไฮยาลูโรนิกทั้ง 2 ขนาด (โมเลกุลใหญ่ 1100-1400 kDa และโมเลกุลเล็ก 80-100 kDa) จากนั้นก็ลดอุณหภูมิลง เพื่อให้ทั้ง 2 โมเลกุลเกิดการสร้างพันธะเชื่อมกัน มีคุณสมบัติกระจายตัวได้ดี และมีความหนืดต่ำ
Profhilo (โปรไฟโล) เป็นสารฟื้นฟูโครงสร้างผิว (Bio-remodelling) โดยจะไปกระตุ้นการทำงานของไฟโบรบลาส (fibroblast) ซึ่งเป็นเซลล์ที่ทำหน้าที่สร้างคอลลาเจนและอีลาสติน สามารถฟื้นฟูผิวได้ทุกชั้นผิว ทั้งชั้นลึก และตื้น

                                                                     รูปที่ 1
 

                                                                    รูปที่ 2

จากกราฟรูป 1 และ รูป 2 เป็นการศึกษาก่อนและหลังการฉีด Profhilo โดยใช้เทคนิค BAP 2 ครั้ง ห่างกันครั้งละ 4 สัปดาห์ ในผู้หญิง อายุตั้งแต่ 39-65 ปี (เฉลี่ย 53 ปี) ทั้งหมด 15 คน พบว่า

รูป 1 วัดความชุ่มชื้นของผิว พบว่าหลังจากฉีด Profhilo โดยใช้เทคนิค BAP 2 ทั้ง 2 ครั้ง ความชุ่มชื้นของผิวเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเปรียบเทียบกันก่อนทำ

รูป2 วัดความยืดหยุ่นของผิว พบว่าหลังจากฉีด Profhilo โดยใช้เทคนิค BAP 2 4 สัปดาห์ของครั้งที่2 ความยืดหยุ่นของผิวเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเปรียบเทียบกับก่อนทำ



โปรแกรมฉีด Profhilo กับ Filler ต่างกันอย่างไร ?

เนื่องจากทั้ง Profhilo และ Filler มีส่วนประกอบหลัก คือ คือกรดไฮยาลูโรนิก (Hyaluronic Acid; HA) เหมือนกัน จึงทำให้เกิดการสงสัยว่า แล้วทั้ง 2 ตัวนี้ มีความแตกต่างกันอย่างไร
โดยในปัจจุบัน เราสามารถแบ่งประเภทของ HA ได้เป็น 2 ประเภทหลักๆ คือ

1. Crosslinked HA
เป็นสาร HA ที่ผ่านกระบวนเพื่อทำให้เกิดการคงตัว คงรูป ทำให้ไม่เกิดการสลายได้ง่าย HA ในกลุ่มนี้ เช่น ฟิลเลอร์ที่ใช้ฉีดเพื่อเติมเต็ม ปรับรูปหน้า หรือฟิลเลอร์งานผิว เป็นต้น

2. Non-Crosslinked HA
เป็นสาร HA ที่ไม่ได้ผ่านกระบวนการเพื่อให้เกิดความคงตัว ทำให้เป็น HA ที่มีลักษณะเหลว ไม่ขึ้นรูป และสลายตัวได้เร็วใน 24-48 ชั่วโมง
 

หากเปรียบเทียบ Profhilo กับ HA กลุ่ม Filler ที่ใช้เพื่อการเติมเต็ม Profhilo ไม่ได้มีคุณสมบัติที่ทำเกิดการคงตัว คงรูปได้อย่างฟิลเลอร์ โดยฟิลเลอร์จะอยู่ได้นาน 6-24 เดือน ตามชนิด ยี่ห้อ และบริเวณที่เติมเข้าไป

ขณะที่ Profhilo ซึ่งจัดอยู่ในประเภทแบบ Non-Crosslinked HA แต่เป็น Non-Crosslinked HA รูปแบบใหม่ ที่ถูกพัฒนาสร้างด้วยเทคโนโลยีพิเศษ NAHYCO Hybrid Technology กระบวนการเฉพาะที่ออกแบบมาเพื่อผลิต Bio-Remodelling วิธีการใหม่ในการชะลอวัยต่อต้านความหย่อนคล้อย โดยปรับโครงสร้างกรดไฮยาลูรอนิก (HA) ทั้งสายสั้นและสายยาวให้มีความคงตัวสูง และมีประสิทธิภาพสูง สามารถอยู่ใต้ผิวได้นานกว่า Non- Crosslinked HA ทั่วไป โดยอยู่ใต้ผิวได้นานกว่า 6-9 เดือน และยังมีคุณสมบัติที่กระจายตัวได้ดี และไม่จับตัวเป็นก้อน ไม่ก่อให้เกิดการอุดตันและสลายไปเองโดยไม่ทำให้เกิดอันตราย

ดังนั้น Profhilo จึงเป็นการฟื้นฟูปัญหาผิวภายใน ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และอิลาสติน ในขณะที่ ฟิลเลอร์ เป็นการเติมเต็มบริเวณที่มีปัญหาของ volume และช่วยปรับรูปหน้า โครงสร้างหน้า ทำให้หน้าดูมีมิติมากขึ้นกว่าเดิม

โปรแกรมฉีด Profhilo ทำงานอย่างไร ?

การฉีด Profhilo จะเป็นการปรับโครงสร้างสร้างแบบไดนามิกในหลายระดับ ซึ่งเป็นกระบวนการที่เนื้อเยื่อและเซลล์ในหลายชั้นผิวมีการฟื้นฟูและเปลี่ยนแปลงอย่างต่องเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการสร้างคอลลาเจน การปรับสมดุลของเซลล์ผิวและฟื้นฟูเซลล์ที่เสื่อมสภาพ ส่งผลให้ผิวเรียบเนียน ละเอียด กระชับ และดูเป็นธรรมชาติ

การศึกษาในหลอดทดลองยังแสดงให้เห็นว่า Bio-Remodelling ช่วยปรับปรุงสภาพแวดล้อมภายนอกเซลล์ และมีการรักษาสภาพที่เหมาะสมสำหรับการดำรงอยู่ของไฟโบรบราสต์ เคอราติโนไซต์และอะดิโปไซต์หรือเนื้อเยื่อไขมันใต้ผิวอีกด้วย


คุณสมบัติเด่นของ Bio- Remodelling ในโปรแกรมฉีด Profhilo

• มีความเข้มข้นของกรดไฮยาลูโรนิก (HA) สูงถึง 64 มก./2 มล ทำให้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้ผลลัพท์ที่คงนนและยาวนาน
• มีคุณสมบัติการกระจายตัวได้ดี กระจายตัวได้ทั่วบริเวณผิวที่ฉีด ช่วยให้ผิวดูเรียบเนียนและสม่ำเสมอ
• มีความหนืดต่ำทำให้ฉีดง่าย ไม่ค่อยเจ็บ
• ปราศจาก BDDE และสารเคมีอื่นๆ จึงปลอดภัยต่อผิว
• ผลการรักษาที่เกิดขึ้น สนองต่อการอักเสบที่ต่ำ

โปรแกรมฉีด Profhilo ช่วยเรื่องอะไรบ้าง ?
 

• กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน
• ช่วยให้ผิวมีความชุ่มชื้น ดูผิวอิ่ม ผิวฟู
• ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นของผิว
• ช่วยปรับโครงสร้างผิว ให้ผิวมีความแข็งแรง มีคุณภาพผิวที่ดี
• ช่วยฟื้นฟู บำรุงผิว ให้ผิวดูฉ่ำโกลว์ เปล่งปลั่ง
• ใช้ร่วมกับการรักษาหลุมสิว

โปรแกรมฉีด Profhilo  ฉีดตรงไหนได้บ้าง ?

โปรแกรมฉีด Profhilo สามารถฉีดได้ทุกบริเวณผิวที่ต้องการรักษา

• ใบหน้า : ช่วยเรื่อง งานผิวโกลว์ใส แก้ปัญหาหลุมสิว ผิวชุ่มชื้น ลดริ้วรอย
• คอ : ช่วยลดความเหี่ยว รอยย่น ริ้วรอยรอบคอ
• มือ : ช่วยลดรอยเหี่ยว รอยย่นบริเวณมือ
• อก : ช่วยปรับผิวให้เปล่งปลัง ชุ่มชื้น
• แผลเป็น หลุมสิว รอยแตก : สามารถใช้เสริมการรักษาแผลเป็น รอยแตก

โปรแกรมฉีด Profhilo  เหมาะกับปัญหาผิวแบบไหน ? 

- ผู้ที่ผิวแห้ง ขาดน้ำ ขาดความชุ่มชื้น
- ผู้ที่มีริ้วรอยทั่วใบหน้า ลำคอ
- ผู้ที่มีผิวหย่อนคล้อย
- ผู้ที่ผิวโทรม หน้าแก่
- ผู้ที่ต้องฟื้นฟูและปรับปรุงสภาพผิว

โปรแกรมฉีด Profhilo อยู่ได้นานแค่ไหน ?

ระยะเวลาในการรักษา แต่ละครั้งใช้เวลาน้อยมาก โดยใช้เวลาเพียง 20-30 นาที ในการฉีด
โดยแนะนำให้ฉีด Phofhilo ห่างกัน 4 สัปดาห์ หลังฉีดครั้งแรก และฉีดซ้ำต่อเนื่องทุก 6-12 เดือน หลังจากนั้นเพื่อการดูแลผิวที่ต่อเนื่อง แนะนำให้ฉีดซ้ำ ทุก  6-12 เดือน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับผลลัพธ์และสภาพผิวของแต่ละบุคคล


โปรแกรมฉีด Profhilo ต้องพักฟื้นผิวนานแค่ไหน ?
โปรแกรมฉีด Profhilo ใช้ระยะเวลาในการพักฟื้นผิวสั้นมาก เพราะในการฉีดใช้เข็มที่มีขนาดเล็กมาก จึงช่วยลดความรู้สึกไม่สบายผิวหลังฉีด นอกจากนี้การฉีดโดยใช้เทคนิค 5 จุด (BAP) หรือ BAP-Bio Aesthetic Points ถูกออกแบบมาเพื่อโปรแกรมฉีด Profhilo โดยเฉพาะ เพื่อการกระจายตัวยาอย่างมีประสิทธิภาพ โดยการฉีด 5 จุดในแต่ละข้างของใบหน้า และฉีด 10 จุด บริเวณลำคอ หลังฉีด จะเห็นรอยฉีดแต่ละจุดได้ทันที โดยรอยฉีดจะมีการกระจายตัวและหายได้ภายใน 24 ชม.
ประโยชน์ของเทคนิค BAP

1. ช่วยให้ผิวกระชับ เรียบเนียน ฟื้นฟูผิวที่หย่อนคล้อยได้ดี
2. ช่วยให้ยากระจายตัวได้ทั่วถึง ลดโอกาสการเกิดความผิดปกติของเนื้อเยื่อ
3. ตำแหน่งที่ฉีดมีความปลอดภัย ลดความเสี่ยงจากการฉีด

• ลดจำนวนครั้งของการทำหัตถการ
• ลดจำนวนจุดฉีด จึงลดความรู้สึกไม่สบายผิวหนังฉีดในแต่ละครั้ง
• ลดระยะเวลาพักฟื้น ลดเวลาหยุดงาน ไม่ต้องเตรียมตัวเป็นพิเศษ
• เห็นผลลัพธ์เร็ว ให้ผลลัพทธ์ที่ดีที่สุดหลังทำหัตถการเพียง 2 ครั้ง (ระยะห่างกัน 1 เดือน)

หากมีคำถาม หรืออยากปรึกษาปัญหาผิว กับแพทย์โดยตรง ฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย 

AD LINE : @Medisci หรือ Click link : https://lin.ee/1Ao7fUe