‘ภูมิแพ้อาหารแฝง’ (Delayed Food Allergy) น่ากลัวกว่าที่คิด! ตรวจภูมิแพ้อาหารก่อนสาย

ภูมิแพ้อาหารเรื้อรัง

Delayed Food Allergy หรือภูมิแพ้อาหารแฝง หรือ การแพ้อาหารแบบเรื้อรัง โดยทั่วไปแล้วไม่ได้ส่งผลอันตรายถึงชีวิตเหมือนกับการแพ้อาหารแบเฉียบพลัน (Anaphylaxis) แต่ก็ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตและสุขภาพได้อย่างมีนัยสำคัญ 

กว่า 70% ของคนทั่วโลกอาจประสบปัญหาโรคภูมิแพ้อาหารแฝง หรือโรคภูมิแพ้อาหารเรื้อรัง ซึ่งมักเกิดจากอาหารที่เราบริโภคเป็นประจำโดยไม่รู้ตัว อาการเหล่านี้อาจค่อยๆปรากฏขึ้น ทำให้เรารู้สึกไม่สบายตัว หรือมีปัญหาเรื้อรัง จนเรารู้สึกได้ ได้แก่ มีอาการในระบบทางเดินอาหาร ปวดท้อง ท้องอืด มีปัญหาเกี่ยวกับผิวหนัง เช่น สิว ผื่น รังแค ผิวแห้ง รวมไปถึงอาการเหนื่อยล้าเรื้อรัง เป็นต้น

 

ลงทะเบีนเพื่อให้เราติดต่อกลับหาคุณ

ราคา

0.- บาท / ครั้ง

Promotion

ราคา

0.- บาท / ครั้ง

 

ภูมิแพ้อาหารเรื้อรัง

รู้จักโรคภูมิแพ้อาหาร (Food Allergy)

ภูมิแพ้อาหาร (Food Allergy) คือ การตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกันต่อสารก่อภูมิแพ้ในอาหารที่เราบริโภค ซึ่งเกิดจากความไวของร่างกายต่อโปรตีนบางชนิด หรือส่วนประกอบในอาหารที่ทำให้เกิดอาการแพ้ สาเหตุของการเกิดภูมิแพ้อาหารอาจมีหลายปัจจัย รวมถึง:

  • ปัจจัยทางพันธุกรรม: เช่น มีประวัติครอบครัวที่เป็นภูมิแพ้อาหาร
  • การสัมผัสกับสารก่อภูมิแพ้ในระยะเริ่มต้น: เช่น การได้รับอาหารที่เป็นสารก่อภูมิแพ้ตั้งแต่อายุยังน้อย
  • การเปลี่ยนแปลงในระบบทางเดินอาหาร: ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับการทำงานของระบบย่อยอาหารที่ไม่สมบูรณ์
  • สภาวะสุขภาพอื่นๆ: เช่น การทำงานที่ไม่เต็มประสิทธิภาพของระบบภูมิคุ้มกัน

อย่างไรก็ตาม การบริโภคยาปฏิชีวนะ ยาลดกรด การดื่มแอลกอฮอล์ หรือการรับประทานอาหารเมนูเดิมซ้ำๆ อาจส่งผลต่อสุขภาพโดยรวม และอาจมีส่วนกระตุ้นให้เกิดภูมิแพ้อาหารในอนาคตได้

กลไกการเกิดภูมิแพ้อาหาร

เมื่อเยื่อบุผนังลำไส้เล็กทำงานบกพร่อง จะทำให้สามารถดูดซึมอนุภาคอาหารที่ย่อยไม่สมบูรณ์เข้าสู่กระแสเลือดได้อย่างง่ายดาย ส่งผลให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายผลิตสารแอนติบอดี้ (Antibodies) เพื่อต่อต้านอาหารที่ร่างกายเข้าใจว่าเป็นสิ่งแปลกปลอม นอกจากนี้ยังมีการปล่อยสารเคมีบางชนิด เช่น ฮิสตามีน (Histamine) ซึ่งก่อให้เกิดอาการแพ้ออกมา แม้ว่าก่อนหน้านี้จะเคยรับประทานอาหารชนิดนั้นแล้วไม่เกิดอาการแพ้ก็ตาม

ภูมิแพ้อาหาร (Food Allergy) มีกี่ประเภท
หลายคนคงสับสนว่าอาการแพ้อาหารฉับพลันและภูมิแพ้อาหารแฝงว่าแตกต่างกันอย่างไร ซึ่งเราจะเปรียบเทียบอาการและความไวต่อการตอบสนองของร่างกาย โดยแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ได้แก่   

  1. ภูมิแพ้อาหารเฉียบพลัน (Anaphylaxis): เกิดจากการที่ร่างกายผลิตแอนติบอดี้ IgE (Immunoglobulin E) เพื่อต่อต้านสารก่อภูมิแพ้ในอาหาร พบได้น้อยเพียงประมาณ 5% ของประชากร ซึ่งมักเกิดขึ้นภายใน 2 ชั่วโมง หลังจากการบริโภคอาหาร โดยอาการอาจรุนแรงและหลากหลาย ในเฉียบพลัน เช่น เป็นผื่น ลมพิษ คัน อาการบวม วิงเวียนศีรษะ เจ็บช่วงท้อง หายใจลำบาก
  2. ภูมิแพ้อาหารเรื้อรัง (Delayed Food Allergy): หรือที่เรียกว่า “ภูมิแพ้อาหารแฝง” เกิดจากการที่ร่างกายผลิตแอนติบอดี้ IgG (Immunoglobulin G) เพื่อต่อต้านอาหารที่ก่อให้เกิดอาการแพ้ อาการอาจรวมไปถึง เกิดแก๊ส ท้องอืด ท้องเสีย ท้องผูก ปวดท้อง บวมน้ำ คลื่นไส้ ไมเกรน นอนไม่หลับ น้ำหนักลด อาการเหล่านี้สามารถเกิดขึ้นตั้งแต่ 2 ชั่วโมง ถึง 1 สัปดาห์ หลังจากบริโภคอาหารที่แพ้ ทำให้การตรวจหาสาเหตุเองอาจทำได้ยาก และแต่ละคนอาจแพ้อาหารได้ตั้งแต่ 3 ถึง 20 ชนิด โดยมักเกิดกับอาหารที่บริโภคเป็นประจำ
 

การทำความเข้าใจความแตกต่างระหว่าง ภูมิแพ้อาหารเฉียบพลันและภูมิแพ้อาหารเรื้อรัง จะช่วยให้เข้าใจถึงความจำเป็นในการหาสาเหตุ เพื่อจัดการกับปัญหา ที่นำมาสู่อาการได้อย่างถูกต้องและเหมาะสมมากขึ้น

ภูมิแพ้อาหารเรื้อรัง

เช็คเบื้องต้นอย่างไร ว่าเราเป็นภูมิแพ้อาหารเรื้อรัง

หากเกิดอาการดังกล่าวหลังรับประทานอาหารและอาการกลับฟื้นตัวดีขึ้นหลังเปลี่ยนชนิดของสิ่งที่ทานเข้าไป หรือทานยาเพื่อรักษาอาการแล้วยังไม่หาย นั่นแสดงว่าคุณอาจมีอาการแพ้อาหารเรื้อรัง

  1. สังเกตอาการหลังรับประทานอาหาร หากคุณมีอาการไม่สบาย เช่น แก๊ส ท้องอืด ท้องเสีย ท้องผูก ปวดท้อง คลื่นไส้ ไมเกรน นอนไม่หลับ บวมน้ำ น้ำหนักขึ้น คัดจมูก มีไซนัสอักเสบ เป็นๆหายๆ หลังจากการบริโภคอาหาร อาการเหล่านี้อาจบ่งบอกถึงภูมิแพ้อาหารเรื้อรัง
  2. การฟื้นตัวหลังเปลี่ยนอาหาร หรืออาการดีขึ้น หลังปรับเปลี่ยนชนิดอาหาร หรือเมื่อหยุดรับประทานอาหารบางชนิด อาจเป็นเป็นสัญญาณเตือนว่า คุณมีโอกาสแพ้อาหารชนิดนั้น
  3. รับประทานยาเพื่อรักษาอาการ แต่ยังไม่เห็นอาการดีขึ้น อาจเป็นสัญญาณของภูมิแพ้อาหารเรื้อรัง

หากสงสัยว่าตนเองมีอาการแพ้อาหารเรื้อรัง ควรปรึกษาแพทย์เพื่อการวินิจฉัยที่ถูกต้องและการดูแลรักษาที่เหมาะสม

 

รับมืออย่างไร หลังรู้ว่าเป็นภูมิแพ้อาหารเรื้อรัง

เมื่อทราบว่าตนเองเป็นภูมิแพ้อาหารเรื้อรัง แพทย์จะเลือกแนวทางการรักษาที่มีประสิทธิภาพเฉพาะบุคคลที่เหมาะสมกับคุณ โดยพิจารณาจาก

  • ความรุนแรงของอาการแพ้
  • ประวัติการแพ้
  • ผลการวินิจฉัยของแพทย์

แพทย์จะให้คำแนะนำและแนวทางในการรักษา รวมถึงการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิต และการรับประทานอาหาร โดยเน้นการหลีกเลี่ยงอาหารที่กระตุ้นให้เกิดอาการแพ้ นอกจากนี้ ยังมีการใช้หลากหลายวิธีเพื่อฟื้นฟูระบบการย่อยและดูดซึมอาหาร รวมถึง การขจัดสารพิษและลดการอักเสบภายในร่างกาย

เมื่อร่างกายกลับสู่สภาวะสมดุล คุณอาจสามารถกลับมารับประทานอาหารที่แพ้ ได้อีกครั้งในอนาคต

 

ภูมิแพ้อาหารเรื้อรัง

คลายกังวลปัญหาสุขภาพด้วยโปรแกรมตรวจภูมิแพ้อาหารเรื้อรัง

 

โรคภูมิแพ้อาหารแฝงอาจเกิดขึ้นได้โดยที่คุณไม่รู้ตัว บางทีคุณอาจมีอาการแพ้อาหารเรื้อรังอยู่ก็ได้ การตรวจสุขภาพก่อนสายจึงเป็นสิ่งสำคัญ ด้วยโปรแกรมตรวจภูมิแพ้อาหารเรื้อรัง (Delayed Food Allergy Program) ซึ่งมีการตรวจจากห้องปฏิบัติการ (Laboratory) ที่มีมาตรฐานจากประเทศสหรัฐอเมริกา

โปรแกรมนี้จะมีการดูแลรักษาโดยแพทย์ผู้ชำนาญการ ที่จะช่วยให้คุณได้ข้อมูลที่ชัดเจนเกี่ยวกับอาการของตนเอง นอกจากนี้ ยังช่วยให้คุณสามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินเพื่อสุขภาพที่ดียิ่งขึ้น การตรวจสุขภาพนี้จะเป็นก้าวแรกในการดูแลสุขภาพของคุณอย่างมีประสิทธิภาพ