สลายไขมันด้วยความเย็นกระชับทุกทรวดทรง Coolsculpting

Coolsculpting

เราสลายไขมันด้วยความเย็นได้ด้วยหรือ? หากพูดถึงการผ่าตัดดูดไขมันจะฟังดูคุ้นหูกว่า แต่ใช่ทุกคนจะเหมาะกับวิธีดังกล่าว เนื่องจากมีความเสี่ยงที่สูงกว่า เหตุนี้เองจึงทำให้ Coolsculpting ขึ้นแท่นใหม่เทคโนโลยีล่าสุดที่ตอบโจทย์ปัญหารูปร่างอวบอ้วน ไร้ความกระชับจากไขมันส่วนเกินได้อย่างมีประสิทธิภาพ


Coolsculpting เทคโนโลยีสลายไขมันด้วยความเย็นจากสหรัฐอเมริกา


Coolsculpting คือนวัตกรรมสลายไขมันด้วยความเย็นแบบ Non-surgical จาก Zeltiq Aesthetics โดยไม่ทิ้งรอยแผล ไม่ก่ออาการบาดเจ็บ และให้ผลการรักษาที่มีประสิทธิภาพเพียงชั่วเวลาอันสั้น ผ่านกระบวนการไครโอไลโปไลซิส (Cryolipolysis & Trade) ภายใต้การทำงานของตัวเครื่อง ณ ช่วงเวลาที่เหมาะสมพอจนทำให้เซลล์ไขมันแข็งตัวและตายในที่สุด ส่งผลให้แผ่นชั้นไขมันบางลง ทรวดทรงทั่วเรือนร่างกระชับได้ไม่ต่างจากวิธีดูดไขมัน

 


Coolsculpting มีที่มาที่ไปอย่างไร


Coolsculpting ได้รับการคิดค้นและพัฒนาขึ้นโดยสองนักวิทยาศาสตร์จาก Harvard University ในปีค.ศ. 1999 ทั้งสองต่างได้รับแรงบันดาลใจจากงานวิจัยชิ้นหนึ่ง ซึ่งจุดประกายความคิดสู่การต่อยอดจนเกิดนวัตกรรมความเย็นที่ทำลายเซลล์ไขมันทรงประสิทธิภาพ ทั้งยังไม่ก่อความเสียหายแก่ผิวหนังและเนื้อเยื่อโดยรอบ ในชื่อกระบวนการ ‘ไคโอลิโปลิซิส’ (Cryolipolisis)


‘ไคโอลิโปลิซิส’ กระบวนการนี้สำคัญอย่างไร


ไคโอลิโปลิซิส (Cryolipolisis) คือกระบวนการหยุดยั้งเซลล์ไขมันด้วยความเย็น ซึ่งเป็นกลไกสำคัญจำเพาะของตัวเครื่อง จน ณ ปัจจุบันได้รับจาก US-FDA ในปีค.ศ. 2009 ในแง่คุณภาพและความปลอดภัยตลอดการรักษา ทั้งนี้กระบวนการไคโอลิโปลิซิสอิงอาศัยมาจากการเฝ้าสังเกตทดลองจนพบว่าเนื้อเยื่อชั้นไขมันจะอ่อนแอลงหากได้รับพลังอุณหภูมิที่ต่ำ


Coolsculpting

หลักการทำงาน


Coolsculpting เป็นนวัตกรรมการรักษาได้รับรองจาก FDA (Food and Drug Administration) ในด้านประสิทธิภาพการส่งพลังงานคลื่นความเย็นในช่วงแรงดูดที่พอเหมาะสู่ชั้นผิว ณ ช่วงระดับความเย็น -11 องศาเซลเซียส ณ ช่วงเวลาหนึ่งจนเซลล์ไขมันแข็งตัวและตาย ก่อนระบายออกทางระบบน้ำเหลืองได้อย่างปลอดภัย ไร้ผลข้างเคียง


ประเภทหัวของ Coolsculpting


แม้ว่าที่ผ่านมา Coolsculpting จะใช้หัวหลากหลายรุ่นและแบบ ทว่าปัจจุบันที่ได้รับความนิยมใช้มีเพียง 2 ชนิด ได้แก่

  • CoolAdvantage:  เป็นหัวสูญญากาศรุ่นล่าสุด ซึ่งมีขนาดใหญ่ครอบคลุมการรักษาหลายบริเวณในแต่ละครั้ง ทั้งนี้สามารถทำได้หลายจุดไล่ไปตั้งแต่ช่วงหน้าท้อง สีข้าง Bra Fat ส่วนหลังขา (Banana roll) หรือสำหรับคุณผู้ชายที่ปรารถนารูปหลังทรง V-taper ก็สามารถทำได้ และช่วยย่นระยะเวลารักษาให้เหลือเพียง 35 นาที (จากปรกติใช้เวลาถึง 1 ชั่วโมง)
  • Cool Smooth Pro: หัวขนาดกว้างกินพื้นที่ 38 ตารางนิ้ว เหมาะสำหรับเก็บตกรักษาเฉพาะจุดบริเวณต้นขาด้านข้างและหน้าท้องส่วนบน ซึ่งหากใช้หัวลักษณะดังกล่าวจะใช้เวลาถึง 75 นาที


Coolsculpting

ประสิทธภาพของ Coolscupting


เนื่องจาก Coolsculpting สามารถลดจำนวนเซลล์ไขมันบริเวณที่รักษาได้ 20 – 25% จึงทำให้ไขมันใต้ผิวเบาบางลง โดยไม่ก่อบาดแผลหรือส่งผลกระทบแก่เซลล์ข้างเคียง ไม่ว่าจะเป็นผิว เส้นเลือด เส้นประสาท และอื่นใด ทั้งนี้เซลล์ไขมันดังกล่าวจะเริ่มตายลงหลังผ่านการรักษาไปได้ 2 – 3 วัน และจะเริ่มเห็นผลชัดเจนเรื่อย ๆ จนถึงช่วงเดือนที่ 6 เป็นต้นไป อย่างไรก็ตาม การรักษาดังกล่าวเน้นเฉพาะไขมันส่วนเกินที่กำจัดได้ยาก ซึ่งจะคงสภาพการรักษาได้ดียิ่งขึ้นหากควบคุมอาหารร่วมกับการออกกำลังกาย


Coolsculpting

เหมาะกับใคร


การรักษาด้วย Coolsculpting เหมาะสำหรับผู้มีปัญหา

  • ไขมันส่วนเกินสะสมเฉพาะจุด เช่น หน้าอก เอว หลัง ต้นขา หน้าท้อง ท้องแขน
  • ผู้มีปัญหาไขมันส่วนเกินตามระดับปานกลางตามร่างกาย

Q&A ที่พบบ่อยทั้งก่อน-หลังทำ Coolsculpting


ระยะเวลาและจำนวนการทำ

โดยปรกติแพทย์จะใช้ Coolsculpting สำหรับรักษาอาการราว 35 – 75 นาที (1 – 3 ชั่วโมงโดยเฉลี่ย) หรือขึ้นอยู่กับบริเวณและสภาพอาการที่รักษา

ผลข้างเคียงหลังทำ

ผลข้างเคียงอาจเกิดในระดับที่แตกต่างกัน เช่น อาการแดง ปวด บวม ชา ซึ่งผลงานวิจัยทางคลินิกหลายชิ้นได้เผยให้เห็นว่าผลข้างเคียงบางอย่างอาจลดลงหากใช้ผ้ารัดบริเวณที่รักษา สวมใส่ชุดรัดรูปหรือสเตย์ ใช้ยา Benadryl หรือ Ambien ในเวลากลางคืน หรือทานยา Gabapentin / Neurontin / Lyrica

ไม่เหมาะกับผู้ที่

  • เป็นสตรีมีครรภ์
  • มีรูปร่างผอมเกินไป หรือผู้ที่มีไขมันสะสมจากภายใน เช่น ไขมันในช่องท้อง
  • ระบบเลือดผิดปรกติ เช่น Cryoglobulinemia หรือ Paroxysmal Cold Hemoglobinuria (PCH)
  • ระบบประสาทและการรับรู้บกพร่อง เช่น โรคประสาท Post-herpetic เบาหวาน
  • ไวต่อความหนาวเย็น เช่น ลมพิษหรือโรคเรย์โนด์ (Raynaud’s disease)
  • มีแผลเปิด ติดเชื้อ หรือมีเลือดออกผิดปรกติ
  • ภาวะไส้เลื่อน ปัญหาผิว เช่น กลาก เกลื้อน ผื่นคัน
  • ติดอุปกรณ์ในร่างกาย เช่น เครื่องกระตุ้นหัวใจ เครื่องช็อตไฟฟ้า


แหล่งอ้างอิง

Marilia Bueno Savacini, and (2018). Effectiveness and Safety of Contrast Cryolipolysis for Subcutaneous-

             Fat Reduction. 1 July 2023, derived from https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC6304526/

Nils Krueger. (2014). Cryolipolysis for noninvasive body contouring: clinical efficacy and patient

            satisfaction.  4 July 2023, derived from https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC4079633/

 

เรียบเรียงโดย  ฝ่ายพัฒนาและวิจัย  [ แก้ไขข้อมูล  01/07/66 ]


สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้